Digital Transformation ในโลจิสติกส์: จากสมุดจดสู่ระบบ TMS
ในยุคที่ธุรกิจทุกประเภทกำลังปรับตัวเข้าสู่ “ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation)”
อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก็ไม่ต่างกัน — จากเดิมที่พนักงานจดข้อมูลขนส่งลงในสมุด หรือเก็บข้อมูลใน Excel วันนี้หลายองค์กรเริ่มหันมาใช้ ระบบจัดการขนส่ง (TMS: Transport Management System) เพื่อบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์
🚚 ทำไมโลจิสติกส์ถึงต้อง Digital Transformation
ธุรกิจขนส่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มี “ต้นทุนแฝง” จำนวนมาก ทั้งค่าน้ำมัน ค่าแรง ค่าเที่ยว ค่า OT เวลาวิ่งรถ และความผิดพลาดจากเอกสารหรือการสื่อสารผิดพลาด หากยังใช้ระบบแบบแมนนวล องค์กรจะเสียเวลาในการตรวจสอบข้อมูล และยากต่อการขยายทีม
Digital Transformation จึงไม่ใช่แค่การ “เปลี่ยนจากกระดาษเป็นคอมพิวเตอร์” แต่คือการ เปลี่ยนวิธีคิดและระบบการทำงานทั้งหมด ให้สามารถ
-
ทำงานได้เร็วขึ้น
-
ตรวจสอบข้อมูลได้แบบเรียลไทม์
-
เชื่อมโยงข้อมูลทุกฝ่ายไว้ในระบบเดียว
💡 จากสมุดจด…สู่ระบบ TMS
สมัยก่อน การจัดการขนส่งมักเริ่มจากการ “จดใบงาน” ลงสมุด — ใครขับรถคันไหน ส่งของให้ใคร เส้นทางไหน ใช้น้ำมันเท่าไหร่ ฯลฯ
แต่เมื่อปริมาณงานเพิ่มขึ้น ระบบแบบจดมือเริ่มไม่พอ เพราะ
-
ตรวจสอบย้อนหลังยาก
-
ข้อมูลไม่ตรงกันระหว่างฝ่าย
-
ควบคุมต้นทุนไม่ได้
- ข้อมูลไม่ครบแต่ก็ไร้การตรวจสอบ
ระบบ TMS (Transport Management System) เข้ามาแก้ปัญหานี้โดยรวมทุกขั้นตอนของการขนส่งไว้ในระบบเดียว ตั้งแต่
-
วางแผนเส้นทาง (Route Optimization)
-
จัดคิวรถและคนขับ
-
ติดตามสถานะการขนส่งแบบเรียลไทม์
-
เก็บหลักฐานส่งของ (POD)
-
คำนวณรายได้–ต้นทุนอัตโนมัติ
-
ออกรายงานให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมทุกวัน
- ใช้ข้อมูลชุดเดียวกันในการทำงานของแต่ละแผนก
⚙️ ตัวอย่างผลลัพธ์จากการใช้ระบบ TMS จริง
องค์กรที่นำระบบ TMS มาใช้ พบผลลัพธ์ชัดเจน เช่น
-
ลดต้นทุนขนส่งได้ 10–25% จากการจัดเส้นทางที่สั้นลง
-
ลดเวลาการทำงานเอกสาร 50% เพราะไม่ต้องจดและรวมข้อมูลเอง
-
ควบคุมต้นทุนต่อทริปได้แม่นยำ และสามารถรู้กำไรขาดทุนแบบรายวัน
-
ลูกค้าได้รับบริการรวดเร็วขึ้น เพราะติดตามสถานะได้เรียลไทม์
นี่คือ “จุดเปลี่ยน” สำคัญขององค์กรโลจิสติกส์ไทย ที่กำลังก้าวจากระบบแมนนวลสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัว
🧭 แล้วจะเริ่ม Digital Transformation ในขนส่งได้อย่างไร?
-
สำรวจปัญหาในกระบวนการขนส่งปัจจุบัน เช่น ความล่าช้า การใช้ทรัพยากรซ้ำซ้อน
-
เลือกใช้ระบบ TMS ที่เหมาะกับธุรกิจ — ไม่จำเป็นต้องเป็นระบบใหญ่ราคาแพง แต่ควรเชื่อมต่อกับฝ่ายบัญชี และใช้งานได้ทั้งบนคอมและมือถือ
-
อบรมทีมให้เข้าใจระบบและเห็นประโยชน์จริง เพื่อให้ทุกคนร่วมกันปรับกระบวนการทำงาน
-
ใช้ข้อมูลจากระบบเพื่อวิเคราะห์และวางแผนต่อยอดธุรกิจ เช่น คำนวณต้นทุนต่อกิโลเมตร หรือติดตามประสิทธิภาพของพนักงานขับ
🔍 สรุป
การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลในโลจิสติกส์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
จากเดิมที่เราจดงานในสมุด — วันนี้เพียงเปิดแอปหรือระบบ TMS ก็สามารถเห็นข้อมูลทุกทริป ทุกค่าใช้จ่าย และทุกสถานะการขนส่งได้ทันที
องค์กรที่เริ่มก่อน จะมี ความได้เปรียบด้านต้นทุนและความเร็วในการให้บริการ
และนี่คือหัวใจของ “Digital Transformation” ที่แท้จริง — ไม่ใช่แค่การใช้เทคโนโลยี แต่คือการเปลี่ยนให้ธุรกิจขนส่ง
ทำงานอย่างชาญฉลาดและเติบโตอย่างยั่งยืน

